วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

กฏหมายเกี่ยวกับการศึกษา

กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาในปัจจุบัน ได้แก่ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งมีสาระสำคัญที่ควรรู้และทำความเข้าใจ ดังนี้

1. จุดมุ่งหมายและหลักการ
เนื่องจากมนุษย์เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่จะส่วนพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า ดังนั้น การศึกษาจึงมีส่วนสำคัญยิ่งที่จะช่วยให้คนในชาติมีความรู้ เพื่อนำไปพัฒนาประเทศต่อไป รัฐจึงต้องลงทุนด้านการศึกษา เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนของชาติขึ้นมาทดแทนผู้ใหญ่ที่จะอ่อนกำลังลงในอนาคต ประเทศชาติจึงต้องทุ่มเทงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อพัฒนาการศึกษา สำหรับการจัดการศึกษาของทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยมุ่งเน้นให้คนในสังคมมีความสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา มีความรู้คู่คุณธรรม และดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีของชาติ


2. หน้าที่ของรัฐในการจัดการศึกษา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 กำหนดให้รัฐจะต้องดำเนินการทางด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชน ดังนี้
     1) รัฐต้องจัดการศึกษาขึ้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยให้เด็กและเยาวชนในชาติมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการเข้ารับการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
     2) รัฐต้องจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ สำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคมต้องจัดให้มีการสื่อสารและการเรียนรู้ สำหรับผู้ที่มีร่างกายพิการ ทุพพลภาพ บุคคลที่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ บุคคลที่ไม่มีผู้ดูแล หรือด้อยโอกาส


3. สิทธิและหน้าที่ของบิดามารดาหรือผู้ปกครอง
บิดามารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวน 9 ปี โดยให้เด็กที่มีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดเข้าเรียนในสถานศึกษาขึ้นพื้นฐานจนอายุสิบหก เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ ตลอดจนให้ได้รับการศึกษานอกเหนือจากการศึกษาภาคบังคับ ตลอดจนให้ได้รับการศึกษาภาคบังคับตามความพร้อมของครอบครัว


4. รูปแบบการจัดการศึกษา
     1) การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาืที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาการศึกษา การวัด และการประเมินผลอันเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน ได้แก่ การเรียนการสอนในโรงเรียน วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆทั้งของรัฐและเอกชน
     2) การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิีธีการจัดการศึกาา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและปรเมินผลซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมกับสภาพปัญหา และความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม เช่น การศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เป็นต้น
     3) การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่เปิดโอกาศให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อมและโอกาส โดยอาศัยจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาแวดล้อม สื่อ หรือแหล่งเรียนรู้ เช่น การฝึกอบรมวิชาชีพของสถาบันแรงงานต่าง ๆ การอบรมวิชาชีพในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน การอบรมภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ตามสถาบันต่าง ๆ เป็นต้น

5. แนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
การจัดการศึกษาทุกรูปแบบจะเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ แบะพัฒนาตนเองได้ โดยยึดหลักผู้เรียนสำคัญที่สุด ด้วยเหตุนี้ กระบวนการจัดการเรียนรู้จึงต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ

เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม

ทิ้งไว้ในใจ

ผักสีสดช่วยคุณฟิตได้

    เหล่าบรรดาผักผลไม้สีสันสวยงาม ต่างแฝงไปด้วยประโยชน์มากมาย ยกตัวอย่างผักสีสันจี๊ดๆ ที่ประโยชน์ก็แรงไม่แพ้กัน
      มะเขือเทศ     
        ในผลมะเขือเทศมีสารจำพวกแคโรทีนอยด์ ชื่อไลโคพีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารสีแดง และวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินเค โดยเฉพาะวิตามินเอ และวิตามินซี มีในปริมาณสูง มีกลดมาลิค กรดซิตริก ซึ่งให้รสเปรี้ยว และมีกลูตามิค (Glutamic) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารเบต้าแคโรทีน และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เป็นต้น

      ประโยชน์ของมะเขือเทศ
      ผลมีรสเปรี้ยวช่วยดับกระหาย ทำให้เจริญอาหาร บำรุงและกระตุ้นกระเพาะอาหาร ลำไส้ ไต ให้ทำงานได้ดี ช่วยขับพิษและสิ่งคั่งค้างในร่างกาย เนื่องจากเป็นยาระบายอ่อน ๆ เหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคนิ่ว วัณโรค ไทฟอยด์ หูอักเสบและเยื่อตาอักเสบ ให้รับประทานผลสดลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
      ผิวหนังที่โดนแดดเผา สามารถใช้ใบของมะเขือเทศนำมาตำให้ละเอียดแล้วทาบริเวณที่เป็นนำราก ลำต้น และใบแก่ต้มกับน้ำรับประทานแก้อาการปวดฟัน
      นำน้ำมะเขือเทศพอกหน้า หรือผลมะเขือเทศสุกฝานบาง ๆ แปะบนใบหน้า จะช่วยให้ผิวหน้าอ่อนนุ่มรักษาสิว สมานผิวหน้าให้เต่งตึง
      การรับประทานมะเขือเทศสุกเป็นประจำจะช่วยลดการแข็งตัวของผนังหลอดเลือด รักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน ช่วยบำรุงสายตา และช่วยย่อยอาหาร ลดความดันโลหิต และช่วยบรรเทาอาการป่วยของผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคตับอักเสบ
      คั้นน้ำมะเขือเทศสุกหรือปั่น ดื่มรับประทาน ลดอาการท้องอืดเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย ช่วยดับกระหายคลายร้อน และช่วยรักษาโรคแผลร้อนใน

      กะหล่ำปลีม่วง     
         ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลีม่วง หรือกะหล่ำปลีแดงก็เป็นผักกะหล่ำชนิดเดียวกัน แต่ถูกเรียกขานแตกต่างกันไป ซึ่งเจ้าผักสีสวยที่หลายคนมักทำเป็นสลัดค่อนข้างมีประโยชน์หลากหลายมากกว่าจะเป็นผักตกแต่งจานเพียงอย่างเดียว

      ประโยชน์ของกะหล่ำปลีสีม่วง
      เนื้อของกะหล่ำปลีม่วงออกรสขมกว่ากะหล่ำปลีสีขาวธรรมดาเพราะมีสารอินไทบิน แต่สารอินไทบินตัวนี้มีส่วนสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงตับ ถุงน้ำดี ไต และกระเพาะดีขึ้น นอกจากนี้กะหล่ำปลีสีม่วงยังอุดมด้วยธาตุเหล็กจึงช่วยเสริมฮีโมโกลบินให้แก่ร่างกาย ซึ่งฮีโมโกลบินเป็นตัวการสำคัญที่นำพาออกซิเจนไปกับเม็ดเลือดแดงเพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ
      อีกหนึ่งสาเหตุที่กะหล่ำปลีม่วงเป็นผักยอดฮิตสำหรับสลัด ก็เพราะเป็นพืชที่มีกากใยอาหารสูงและอุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารหลายชนิด เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต โซเดียม และวิตามินซีที่พบว่ามีค่อนข้างมากกว่ากะหล่ำปลีสีเขียวถึงสองเท่า ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน มีสารซัลเฟอร์ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่และต้านสารก่อมะเร็งที่เข้าสู่ร่างกาย

       อย่างไรก็ตามในกะหล่ำปลีไม่ว่าจะเขียวหรือม่วงต่างก็มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า กอยโตรเจนเล็กน้อย ถ้าสารดังกล่าวมีมากจะไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ทำให้นำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อย ดังนั้นจึงไม่ควรกินกะหล่ำปลีสด ในปริมาณมากเกินไป แต่ถ้าสุกแล้วสารกอยโตรเจนจะหายไป

      บร็อกโคลี              ถ้าจะกินผัดผักก็ต้องยกให้บร็อกโคลีเป็นที่หนึ่ง เพราะมากด้วยประโยชน์ รสชาติที่ไม่ขม กรอบ อร่อย จนแม้แต่เด็ก ๆ ก็ทานได้โดยไม่งอแง และที่สำคัญสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่าเป็นพืชที่ต่อต้านมะเร็ง เพราะประกอบด้วยวิตามินเอ แคลเซียม ไรโบฟลาบิน หรือวิตามินบี 2 เป็นต้น

      ประโยชน์ของบร็อกโคลี่       บร็อกโคลีเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับกะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า และผักกาด โดยมีสารที่เรียกว่า ซัลโฟราเฟน ซึ่งเป็นสารป้องกันโรคมะเร็ง
       มีวิตามินซีสูง เพียงปริมาณ 1 ถ้วยตวง ก็ให้วิตามินซีได้มากถึง 13% ของปริมาณวิตามินซีที่เราควรรับประทานต่อวัน
เปี่ยมด้วยธาตุซีลีเนียมที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวหนัง ดังนั้นถ้ารับประทานบร็อกโคลีเป็นประจำก็จะช่วยชะลอผิวพรรณไม่ให้เหี่ยวย่นได้ง่าย
       ป้องกันการเกิดต้อกระจก เนื่องจากมีสารเบต้าแคโรทีนสูง โดยเฉพาะสารลูทีนที่สามารถป้องกันความเสื่อมของดวงตา

      พริกหวาน              พริกเม็ดโตสีสันสดใส มีลักษณะกลมยาว หลายครัวเรือนนิยมนำมาผัดเพราะไม่มีรสเผ็ด เนื่องจากมีสารแคปไซซินในปริมาณที่ตํ่ามากจนถูกเรียกว่าพริกหวาน

        ในพริกหวาน 100 กรัม สามารถให้คุณค่าแก่ร่างกายได้มาก โดยให้พลังงาน 22 กิโลแคลอรี ซึ่งประกอบด้วย โปรตีน 0.8 กรัม ไขมัน 0.3 กรัม คาร์โบไฮเดรต 4.0 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 2.5 มิลลิกรัม ไทอะมิน 0.10 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.05 มิลลิกรัม วิตามินซี 65 มิลลิกรัม

      ประโยชน์ของพริกหวาน      พริกหวานมีเบตาแคโรทีนสูง มีวิตามินซี เหล็ก และโพแทสเซียม ซึ่งพริกหวานสีเหลืองจะมีไวตามินมากกว่าพริกหวานสีส้มถึง 4 เท่า ในพริกสีเขียว 100 กรัมก็จะมีไวตามินซี 100 กรัมเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสารแคบไซซิน ช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือด โรคต้อกระจก และโรคมะเร็ง

      ในหนึ่งเมนูของวัน ถ้ามีพริกหวานเป็นส่วนประกอบก็จะช่วยกระตุ้นทางการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขั้น ช่วยเจริญอาหารบำรุงธาตุ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ แก้อาเจียน แก้หิด กลากเกลื้อน และสามารถลดความด้นโลหิตได้ เพราะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว และช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ดี

      อะโวคาโด      ทำเอาคนทั่วโลกหลงใหลไปกับความเนียนนุ่มและรสสัมผัสมัน ๆ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ อะโวคาโด ผลไม้แสนอร่อยจากดินแดนอเมริกาใต้รสชาติของผลอะโวคาโดที่มัน ๆ แต่กินแล้วไม่เลี่ยน ก็เป็นเพราะเนื้อของอะโวคาโดนั้นมีปริมาณไขมันสูง แต่ไขมันที่ว่าเป็นไขมันดีต่อร่างกาย เพราะเป็นกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ชื่อว่ากรดไขมันโอเมก้า 9 มีอยู่ในปริมาณสูงเช่นเดียวกับในน้ำมันมะกอก เมื่อกินผลอะโวคาโดเป็นประจำ ก็จะช่วยลดโคเลสเตอรอลในเส้นเลือดลงได้

      ประโยชน์ของอะโวคาโด     อะโวคาโดให้พลังงานสูง แต่มีน้ำตาลต่ำ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจึงสามารถกินได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีโปรตีนสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย วิตามินสูง ทั้งวิตามินอี วิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี และยังให้กากใยมาก จึงเป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายอย่างมาก

      ถ้ารับประทานเป็นประจำจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย เพราะวิตามินบีในอะโวคาโดจะทำให้ร่างกายเกิดความต้านทานในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการปกป้องผิวหน้าจากมลพิษเสียด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

น้ำท่วมกรุงเทพ


15.50 น.  ถ.ลาดพร้าว แยกภาวนา ระดับน้ำทรงตัว 50ซม. (Photo/ThailandFlood)
15.47 น. หัวน้ำด้านถ.พหลโยธิน ยังทรงตัวอยู่ที่แยกกำแพงเพชร ส่วนด้านรัชดาภิเษก ยังอยู่ที่สะพานข้ามคลองบางซื่อ โรงแรมเจ้าพระยา @fm91trafficpro
15.33น. วิภาฯ ขาออก น้ำท่วมขยายมาถึงแยกสุทธิสารแต่ระดับน้ำยังไม่ลึกยังสามารถ เลี้ยวที่แยกสุทธิสาร ขวาไปรัชดาสุทธิสาร และซ้ายไปแยกสะพานควายได้ @fm91trafficpro
15.20 น. รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพหลโยธิน ฝั่งห้างยูเนี่ยนมอลล์ขณะนี้เริ่มมีน้ำท่วมขังถึงบันไดแล้ว
15.00 น. เจ้าหน้าที่สูบน้ำหน้า ศปภ. ออกหมดแล้ว
- สถานการณ์น้ำล่าสุดที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. ภายใน กระทรวงพลังงาน ขณะนี้ ถนนทางเข้า ศปภ. ใน ซ.วิภาวดีรังสิต 11 ไม่มีน้ำท่วมขังแล้ว เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ ได้ใช้เครื่องสูบน้ำเร่งระบายออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ปฏิบัติงานใน ศปภ. แต่ยังคงมีน้ำเอ่อบริเวณขอบถนนเล็กน้อยขณะเดียวกัน
- ขณะที่สำนักงานประปา สาขาพญาไท ซึ่งอยู่ตรงข้าม กระทรวงพลังงาน ไม่มีน้ำท่วมขังแล้วเช่นกัน

14.36 น. แยกเกษตรฯ ระดับน้ำทรงตัวในระดับสูงที่ 90 ซม.  (Twitter@Nalinee_PLE)
14.32 น. ที่ห้างตะวันนา2 ย่านบางกะปิ ขณะนี้ได้มีน้ำจากคลองแสนแสบ และคลองยายเผื่อนไหลซึมเข้ามาบ้างแล้ว โดยเฉพาะบริเวณลาดจอดรถ และถนนด้านหลังของห้าง มีความสูง 5ซม. ทั้งนี้ที่ไหลซึมน้ำดังกล่าวไม่ใช่น้ำที่ทะลักจากเขื่อน หรือคันกั้นน้ำคลองแสนแสบแต่อย่างใด เพราะอีกประมาณ 50ซม.น้ำจึงจะล้นข้ามเขื่อนมาได้ ดังนั้นจึงได้แจ้งให้ประชาชนอย่าตระหนกตกใจ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมสูบน้ำออกแล้ว 11.55 น. น้ำผุดจากท่อท่วมวัดไผ่ตัน หลังคลองบางซื่อ ซอยพหลโยธิน 15 ระดับน้ำในคลองบางซื่อ ก่อนแยกสะพานควาย บนถนนพหลโยธิน ที่ขึ้น – ลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วัดไผ่ตัน ที่อยู่ภายในซอยพหลโยธิน 15 ซึ่งอยู่ติดกับคลองบางซื่อ เริ่มมีน้ำผุดขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ ทำให้น้ำเอ่อท่วมบริเวณกุฏิพระ หลังวัดแล้ว ส่วนบริเวณชุมชนวัดไผ่ตัน ที่อยู่หลังวัด บ้านเรือนประชาชนส่วนใหญ่ติดริมคลองบางซื่อ ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นตลาด อ.ต.ก. ระดับน้ำขณะนี้ท่วมในชุมชนอยู่ที่ 10 – 30 เซนติเมตร 11.50 น. ถ.รัชดาภิเษก มุ่งหน้าแยกสุทธิสาร บริเวณหน้าบริษัทจรัญประกันไทย เริ่มมีน้ำผุดขึ้นมาจากท่อ 10.42 น.  บางบอน น้ำท่วมถนน 20ซม.แล้ว ลุ้นถ.พระราม 2วันนี้ (คลิกเพื่ออ่านรายละเอียด) 10.39 น. เดอะมอลล์บางแค น้ำสูง1.50 ม. โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางแค ถนนเพชรเกษม น้ำท่วมสูงประมาณ 1.50 เมตร ขณะที่ถนนเพชรเกษตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ นอกจากรถบรรทุกหรือรถนยต์ขนาด 10 ล้อ ทางด้านถนนเพชรเกษมขาเข้า น้ำได้ท่วมถึงช่วงสน.ภาษีเจริญ 10.35 น. สถานการณ์น้ำ ถ.นวมินทร์ หัวน้ำ อยู่ ซ.66 ทั้งขาเข้า-ออก ระดับน้ำสูงกว่า 30 ซ.ม 09.30น.ถ.วิภาวดี รังสิต -ถ.พหลโยธิน น้ำเริ่มลดสถานการณ์น้ำบริเวณถ.วิภาฯ ยังมีน้ำผุดตามท่อ แต่ยังไม่ถึงแยกสุทธิสาร ขณะที่ฝั่งถ.พหลฯ ระดับน้ำสูง 40- 60 ซม. และยังไม่ข้ามคลองบางซื่อ 09.15 น. รายงานสถานการณ์น้ำ บริเวณถนนจรัญฯ ตั้งแต่แยกบรมฯ-คลองบางกอกน้อย – ถนนจรัญสนิทวงศ์ จาก สะพานพระราม 7 ถึงปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 มีระดับน้ำท่วมสูง 70 – 90 ซม. ระยะทางประมาณ 2.7 กม. ยังปิดการจราจร – ถนนจรัญสนิทวงศ์ จาก แยกบางพลัดถึงแยกบรมราชชนนี (สน.บางพลัด+สน.บางยี่ขัน) มีระดับน้ำท่วมสูง 10 – 20 ซม. ระยะทางประมาณ 1.8 กม. รถเล็กผ่านได้ – ถนนจรัญสนิทวงศ์ จาก แยกบรมราชชนนีถึงคลองบางกอกน้อย มีระดับน้ำท่วมสูง 20 – 40 ซม. ระยะทางประมาณ 1 กม. เปิดการจราจรแล้ว - ถ.อรุณอัมรินทร์ ระหว่างแยกอรุณอัมรินทร์-สะพานพระราม8 ยังมีน้ำท่วมสูง10–20ซม. แต่เปิดการจราจรแล้ว
09.10 น. ย่านเอกชัย-บางบอนน้ำท่วมสูง 20-30ซม. ขณะที่ ถ.พระราม 2 ต้องเผ้าระวังเป็นพิเศษ

งานช้างสุรินทร์ 2554

 
 
 
 
นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์กำหนดจัดการแสดงของช้างในงาน มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ ในวันเสาร์ที่ 19 - 20 พฤศจิกายน 2554 ณ สนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ กำหนดแสดงวันละ 1 รอบ ระหว่างเวลา 09.00-12.00 น. ใช้ช้างร่วมแสดงมากถึง 250 เชือก พร้อมควาญช้างและนักแสดงชาย- หญิงกว่า 1,000 คน

โดยการแสดงงาน มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ ปีนี้ จะจัดให้เป็น SHOW ช้างระดับโลก ด้วยการร้อยเรียงการแสดงผ่านเรื่องราวกึ่งละคร โดยใช้เสียงสร้างบรรยากาศ ฉากการแสดงยิ่งใหญ่อลังการ นักแสดงสวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่สีสวย สดใส

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยอีกว่า การแสดงของช้าง เปิดฉากการแสดงกายกรรมช้าง กิจกรรมการเล่นสนุก บรรยากาศน่ารัก คึกคัก ขบขัน สร้างสีสันและความประทับใจด้วยกลิ่นอายแบบอีสาน โดยช้างแต่งกายแนวแฟนซีแบบไทยอีสานประยุกต์ พร้อมแฟชั่นโชว์ช้างชุดตัดเย็บด้วยผ้าอีสาน

ช้างนุ่งชุดผ้าขาวม้า และแสดงความสามารถพิเศษ เช่น ช้างชักคะเย่อ ช้างเตะฟุตบอล ช้างเซิ้งกระติ๊บยักษ์ ช้างเป่าแคนยักษ์ และช้างร้องคาราโอเกะ จากนั้นเป็นการแสดงฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการ 8 ฉาก หรือ 8 องก์ ได้แก่

องก์ที่ 1 ช้างคู่แผ่นดิน: ขบวนช้างกลับเมืองหลังจากเสร็จศึกด้วยชัยชนะ มีชาวบ้านมาต้อนรับ มีการเฉลิมฉลอง

องก์ที่ 2 คชามหิธา: แสดงถึงวัฒนธรรมชาวกูย

องก์ที่ 3 คชาเทพ: มีช้างแต่งตัวสวยงาม พร้อมเหล่าเทวดานางฟ้ามาปรากฏกาย

องก์ที่ 4 สืบสายคชาธาร: แสดงถึงวิถีชีวิตชาวกูย และพิธีเซ่นศาลประกำ ก่อนการคล้องช้างป่า ซึ่งเป็นประเพณีที่ ปฏิบัติกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษนับหลายพันปี

องก์ที่ 5 โพนช้าง: ประวัติพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ซึ่งเป็นชาวกูยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง

องก์ที่ 6 ยุทธหัตถี: การแสดงขบวนทัพเองเล็ก และเมืองใหญ่ ในเครื่องแต่งกายอย่างนักรบโบราณ และชมการรบที่ยิ่งใหญ่สมจริงซึ่งมีทั้งกองปืนใหญ่ที่ยิงต่อสู้ กองทหารทะลวงฟันนับร้อยเข้ารบประจัญบาน และการสัปยุทธที่เป็นสุดยอดของการรบบนหลังช้างที่เรียกว่า ยุทธหัตถี ซึ่งได้สร้างวีรกรรมแก่ช้างไทยจนดังไปทั่วโลก

องก์ที่ 7 รุกรบไพรี ยุทธหัตถีมีชัย: ต่อเนื่ององก์ที่ 6 องก์ที่ 8 ทะเลช้าง: เหล่านักแสดงในชุดต่างๆ พร้อมกับช้างจำนวนหลายร้อยเชือก ออกมาอำลาผู้ชมสำหรับประชาชนและนักทองเที่ยวที่สนใจ สามารถติดต่อจองบัตรเข้าชมได้ที่สำนักงานจังหวดสุรินทร์ ในราคา 800, 500, 300 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-4451-2039
จังหวัดสุรินทร์ มีช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณอีกทั้งชาวกวยหรือกูย ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองในอดีตได้จับช้างป่ามาฝึก เพื่อใช้งานในด้านต่างๆเช่น การพาหนะ การขนส่ง รวมถึง ช้างยังมีบทบาทในการประกอบพิธีทางศาสนาและวัฒนธรรมของชาวกวย ชาวกวยแต่ละครัวเรือนจะมีช้างที่เลี้ยงไว้อาศัยอยู่รวมกัน จนช้างที่พวกตนเลี้ยงไว้เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของตน ก่อให้เกิดสายใยความผูกพันที่แน่นเฟ้นขึ้นระหว่างคนกับช้าง ชาวกวยจึงเลี้ยงช้างในฐานะที่เป็นสัตว์เลี้ยงเสียมากกว่าจะเป็นสัตว์ที่ไว้ใช้งาน การฝึกช้างของชาวกวยจึงเป็นการฝึกช้างให้เชื่องและปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าของ ด้วยความเฉลียวฉลาด และความสามารถในการปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ของช้างนี้เอง กลุ่มผู้นำในหมู่บ้านได้เล็งเห็น และรวมตัวกันเพื่อแสดงให้คนภายนอกเห็นถึงความผูกพันของคนกับช้างที่สามารถอยู่ร่วมกันและสื่อสารกันได้พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันแสนพิเศษของช้างไทย การแสดงช้างครั้งแรก จึงถือกำเนิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 ณ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ จากความน่ารัก    ความแสนรู้ของช้างสุรินทร์ ในครั้งนั้น ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สร้างชื่อเสียงและความประทับใจให้แก่ผู้ชมทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติทั่วโลก
กิจกรรมเด่น
วันที่  17  พฤศจิกายน 2554      
เวลา 14.00 น. - ขบวนแห่รถอาหารช้าง เริ่มจากบริเวณหน้าโรงเรียนสิรินธร
เวลา 18.00 น. - การประกวดขบวนรถอาหารช้าง ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์
เวลา 19.00 น. - การประกวดสาวงามเมืองช้าง เวทีกลางกาชาดสุรินทร์ สนามกีฬาศรีณรงค์ อ.เมือง จ.สุรินทร์
วันที่  18 พฤศจิกายน 2554
เวลา 08.00 น. - ขบวนพาเหรดและแห่ช้างกว่า 300 เชือก เริ่มขบวนจากหน้าสถานีรถไฟจังหวัดสุรินทร์
เวลา 09.00 น. - งานต้อนรับและเลี้ยงอาหารช้าง ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์
วันที่ 18-19  พฤศจิกายน 2554   
เวลา 19.00 น. - งานแสดงแสง สี เสียง ตำนานพันปีปราสาทศีขรภูมิ ณ บริเวณปราสาทศีขรภูมิ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์
วันที่   19-20  พฤศจิกายน 2554
เวลา 09.00 น. -  การแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ ณ สนามแสดงช้าง อ.เมือง จ.สุรินทร์
วันที่  20  พฤศจิกายน 2554
เวลา 05.00 น. -  งานวิ่ง “เมืองช้าง” มินิ-ฮาร์ฟมาราธอน ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์